วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2561
สัญญานบ่งบอกว่าคุณกำลังจะเป็นความดัน
1. ปวดศีรษะ (อาการโรคความดันสูง)
ปกติความดันโลหิตของคนเราจะมีมาตรฐานที่เราคุ้นเคยกันว่า มีตัวเลข 2 ตัว
เช่น 110/80 แต่ถ้าเกิดภาวะ Hypertensive crisis
ขึ้นคือความดันขึ้นอย่างรวดเร็ว คือ มากกว่า 120 มิลลิเมตรปรอท
เจ้าตัวมักมีอาการปวดศีรษะ เป็นอาการปวดแบบมึนๆ และปวดตลอดวัน
บางครั้งเป็นมากถึงขนาดคลื่นไส้อาเจียนก็เป็นได้
และอาจปวดมากขึ้นในเวลาถ่ายอุจจาระอาการปวดหัวแบบผิดปกติเหล่านี้
อย่าชะล่าใจคิดว่ากินยาแก้ปวดซึ่งเป็นยาสามัญประจำบ้านเดี๋ยวก็หาย
2. เลือดกำเดาไหล (อาการโรคความดันสูง) จริงๆ
อาการเลือดกำเดาไหลนั้น อาจเกิดจากเส้นเลือดฝอยในจมูกแตก
อาจเกิดจากร่างกายต้องปรับตัวเมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของอากาศ
ความกดดันอากาศ ร้อนไป หนาวไป หรืออื่นๆ ก็ได้
แต่การเลือดกำเดาไหลโดยไม่ทราบสาเหตุ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีอาการปวดศีรษะควบคู่ด้วยนั้น
เป็นลักษณะที่เป็นผลพวงจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น
ภาวะของคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง มีโอกาสจะทำให้ผู้ป่วยเลือดกำเดาออกถึง
17% ทีเดียวดังนั้น หากมีเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ
พึงสำเหนียกและเข้ารับการตรวจก่อนที่จะสายเกินไป
3. อาการมึนงง (อาการโรคความดันสูง) เป็นอีกอาการหนึ่งที่อาจสืบเนื่องมาจากป่วยเป็นความดันโลหิตสูง แน่นอนว่า บางครั้งอาจเกิดจากภาวะเครียด
นอนไม่พอจนมีอาการน้ำตาลในเลือดสูง สมองตื้อ
แต่ก็นั่นแหละในเมื่อเป็นอาการบ่งชี้เรื่องความดันสูงอย่างหนึ่ง
หากมีอาการบ่อยๆ โดยไม่มีสาเหตุอื่นก็ต้องสงสัยไว้ก่อนว่า
เป็นอาการของโรคความดันโลหิตสูงแน่ๆ
4. ตามัว (อาการโรคความดันสูง) เป็นอาการเปลี่ยนแปลงของจอรับภาพของผู้ป่วย
ซึ่งคนที่เป็นความดันสูงมักมีปัญหาทางสายตาควบคู่กันไปด้วยอาการตามัวนั้น
ไม่ใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่ายๆ หากไม่ใช่เพราะมีปัญหาเรื่องสายตา
ปัญหาในการมองเห็น ก็ต้องนึกถึงโรคความดันโลหิตสูงนี่แหละ
5. เหนื่อยง่าย หายใจหอบ (อาการโรคความดันสูง) อาการเหนื่อยหอบนั้นหมายถึงการที่หัวใจเต้นแรงผิดปกติ
หายใจเข้าออกเร็วๆ ถี่ๆ มีอาการเพลีย อาจเกิดขณะทำงาน
หรือออกกำลังกายหนักๆ จนร่างกายเหนื่อยล้าเกินกำลัง
และนำไปสู่อาการหัวใจล้มเหลวก็เป็นได้ ดังจะเห็นว่า
แม้แต่ผู้ที่กำลังออกกำลังกาย บางทีก็เกิดอาการเฉียบพลัน
แล้วเกิดเส้นเลือดในสมองแตก เนื่องเพราะเป็นโรคความดันโลหิตสูงเป็นพื้น
อย่างไรก็ตามควรได้ตรวจเช็คสุขภาพประจำทุกปี
เพราะหากมีโรคอะไรเกิดขึ้นจะได้รักษาหรือควบคุมไว้ก่อน
ไม่ปล่อยจนมีเหตุฉุกเฉิน และนำไปสู่ภาวะที่ร้ายแรง
เพราะอาจต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
เป็นความทุกข์ทรมานในการมีชีวิต นอกจากนั้น หากพบความผิดปกติทั้ง 5 สัญญาณอาการโรคความดันสูงที่กล่าวมา ก็ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คร่างกายเช่นกัน อย่าคิดเองว่า คงไม่เป็นไร กินยาเดี๋ยวก็หาย เพราะโรคความดันโลหิตสูงนั้น
เริ่มจากอาการเหมือนไม่ได้เป็นอะไร แต่ความร้ายแรงนั้น
อาจรุนแรงกว่าโรคร้ายอื่นๆ ด้วยซ้ำ
เพราะไม่ตายแต่อยู่อย่างทุกข์ทรมานตลอดชีวิตแล้วยังทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
ได้อีก
Credit : http://sukkaphap-d.com
วิธีอ่านค่าจากเครื่องวัดความดัน
วิธีวัดความดันโลหิตที่ถูกต้อง
เพื่อให้ได้ค่าความดันโลหิตที่ตรงตามความเป็นจริงมากที่สุด
การวัดความดันโลหิตมี 2
วิธีคือการวัดความดันโลหิตโดยตรงจากหลอดเลือดแดง((Invasive Blood Pressure
หรือ IBP) กับการวัดความดันโลหิตทางอ้อม
(Non-invasive Blood Pressure หรือ NIBP) ซึ่งวิธีวัดความดันเลือดจากหลอดเลือดแดงโดยตรงนั้นเหมาะกับผู้ป่วยวิกฤติที่มีความดันเลือดต่ำมากอยู่ในภาวะช็อคไม่สามารถวัดความดันเลือดโดยวิธีวัดความดันโลหิตทางอ้อม(NIBP) ได้ ดังนั้นในที่นี่จะขอพูดถึงเฉพาะวิธีวัดความดันโลหิตแบบทางอ้อมโดยเครื่องวัดความดันโลหิตแบบอัตโนมัติ (Automatic blood pressure measurement) ที่ทำได้สะดวกกว่า
(Non-invasive Blood Pressure หรือ NIBP) ซึ่งวิธีวัดความดันเลือดจากหลอดเลือดแดงโดยตรงนั้นเหมาะกับผู้ป่วยวิกฤติที่มีความดันเลือดต่ำมากอยู่ในภาวะช็อคไม่สามารถวัดความดันเลือดโดยวิธีวัดความดันโลหิตทางอ้อม(NIBP) ได้ ดังนั้นในที่นี่จะขอพูดถึงเฉพาะวิธีวัดความดันโลหิตแบบทางอ้อมโดยเครื่องวัดความดันโลหิตแบบอัตโนมัติ (Automatic blood pressure measurement) ที่ทำได้สะดวกกว่า
ค่าความดันโลหิตที่วัดได้จะถูกต้องเพียงใดขึ้นอยู่กับ
- ปัจจัยด้านผู้ป่วย ว่าผู้ป่วยมีการเตรียมตัวมาพร้อมหรือไม่ เช่น ก่อนการวัดความดันโลหิตผู้ป่วยควรนั่งพักประมาณ 5-10 นาทีเพราะการวัดความดันโลหิตขณะที่กำลังเหนื่อย ตื่นเต้น เครียด ตกใจ จะทำให้ผลการวัดไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ก่อนการวัดความดันโลหิตผู้ป่วยมีการดื่มชา กาแฟ สูบบุหรี่หรือกินยาบางชนิดมาหรือไม่เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลทำให้ผลการวัดความดันโลหิตไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงได้เช่นกัน
- ปัจจัยทางด้านเครื่องมือ เครื่องมือที่ใช้วัดความดันโลหิตเป็นแบบใด เป็นเครื่องวัดความดันโลหิตชนิดปรอท(Sphygmomanometer) หรือเป็นเครื่องวัดความดันโลหิตแบบอัตโนมัติ (Automatic blood pressure measurement) เครื่องวัดความดันโลหิตจะต้องผ่านการตรวจเช็คมาตรฐานมาแล้ว อีกทั้งขนาดของผ้าพันแขน (Arm cuff) เหมาะสมกับแขนของผู้ป่วยหรือไม่โดยปกติส่วนที่เป็นถุงลมยางของผ้าพันแขนจะต้องสามารถคลุมรอบแขนของผู้ป่วยได้ 80 %
- ปัจจัยทางด้านการวัดและวิธีการวัด เช่นผู้วัดความดันโลหิตได้รับการฝึกอบรมการใช้เครื่องวัดมาอย่างถูกต้องหรือไม่ การพัน Arm cuff แน่นหรือหลวมเกินไปหรือไม่ ถ้าเป็นเครื่องวัดความดันโลหิตชนิดปรอทผู้วัดลดระดับปรอทเร็วเกินไปและการฟังเสียงถูกต้องหรือไม่ การวัดความดันโลหิต 2 ครั้งย่อมได้ผลที่ถูกต้องมากกว่าการวัดเพียงครั้งเดียว อีกทั้งความตั้งใจของผู้ทำการวัดความดันโลหิตก็มีผลต่อความถูกต้องของค่าความดันโลหิตเช่นกัน
วิธีอ่านค่าเครื่องวัดความดัน ผลจากเครื่องวัดความดันจะได้ตัวเลขออกมา 3 ค่าเช่น 1. SYS = 118 mmHg 2. DIA = 79 mmHg และ 3. PUL = 75 bpm อธิบายได้ว่า 1. SYS คือค่าความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัวมีค่าเท่ากับ 118 มม.ปรอท 2. DIA คือค่าความดันโลหิตขณะหัวใจคลายตัวมีค่าเท่ากับ 79 มม.ปรอทและ 3. PUL คืออัตราการเต้นของหัวใจมีค่าเท่ากับ 75 ครั้ง/นาที สรุปได้ว่าวัดค่าความดันโลหิตได้เท่ากับ 118/79 มม.ปรอท เมื่อเทียบกับค่าความดันปกติ(<120/80 มม.ปรอท) นั่นคือความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติแต่ก็ควรวัดความดันโลหิตเป็นประจำอย่างน้อยปีละครั้ง แต่หากค่าความดันโลหิตที่วัดออกมาได้สูงกว่าค่าความดันปกติก็หมายความว่าผู้ป่วยมีโอกาสที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูงแต่การที่จะยืนยันว่าผู้ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงจริงต้องมีวิธีการวัดความดันโลหิตที่ถูกต้องซึ่งอาจต้องทำการวัดอย่างน้อย 3 ครั้งโดยแต่ละครั้งต้องเว้นช่วงห่างกันประมาณ 1-2 สัปดาห์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีระดับความดันโลหิตสูงไม่มากและไม่พบเห็นความผิดปกติของอวัยวะต่างๆ ที่ถูกทำลายจากโรคความดันโลหิตสูง
ความสำคัญของการวัดความดันโลหิตที่ถูกต้องแม่นยำ (Accurate Measurement) หากการวัดความดันโลหิตมีข้อผิดพลาดซึ่งอาจจะเกิดจากหลายๆ ปัจจัยที่ทำให้ค่าความดันโลหิตที่ได้มีความคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง ความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นทั้งที่สูงไปหรือต่ำไปแม้เพียง 5 มม.ปรอทก็ทำให้เกิดความเสียหายได้เช่น ถ้าการวัดค่าความดันโลหิต Diastolic blood pressure (ค่าความดันโลหิตขณะหัวใจคลายตัว) ต่ำกว่าความเป็นจริง 5 มม.ปรอทจะทำให้มีผู้ป่วยที่ถูกละเลยการรักษาและป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูงโดยไม่สมควร ในขณะที่ค่าความคลาดเคลื่อนของความดันโลหิต Diastolic blood pressure ที่สูงกว่าความเป็นจริง 5 มม.ปรอท จะทำให้เกิดการรักษาคนปกติที่ไม่ได้เป็นโรคความดันโลหิตสูงโดยไม่จำเป็น ดังนั้นเพื่อให้ได้ค่าความดันโลหิตที่ถูกต้องตามความเป็นจริงการวัดความดันโลหิตจึงควรใช้เครื่องวัดความดันโลหิตที่ได้มาตรฐานและทำการวัดโดยเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีแล้วเท่านั้น
credit : http://bpcontrol120-80.com/
ข้อดีและข้อเสียของเครื่องมือวัดความดันแบบดิจิตอล
ในปัจจุบันนี้มีแนวโน้มที่จะมีการใช้เครื่องมือวัดแบบดิจิตอลเพิ่มมากขึ้นเพิ่มวัดปริมาณต่างๆ เช่นน้ำหนัก, ความยาว, อุณหภูมิ, ความชื้น, แรงดันไฟฟ้า, ความเร็วรอบและระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือวัดแบบดิจิตอลสำหรับการวัดความดันโลหิต, อัตราการเต้นของหัวใจและอื่น ๆ
ข้อดีของเครื่องมือวัดแบบดิจิตอล
1. อ่านค่าได้ง่ายมาก
2. เนื่องจากมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อย จึงมักจะมีความแม่นยำมากกว่าเครื่องมือวัดแบบอะนาล็อก แม้ข้อผิดพลาดของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับการอ่านค่าจากเครื่องมือวัดแบบดิจิตอลนมีน้อยมาก ซึ่งจะเพิ่มความถูกต้องแม่นยำ
3. เครื่องมือวัดแบบดิจิตอลถูกกว่าเครื่องมือวัดแบบอะนาล็อก
4. สามารถบันทึกข้อมูลจากเครื่องมือวัดเพื่อใช้อ้างอิงในอนาคต
5. เอาท์พุทของเครื่องมือวัดแบบดิจิตอลสามารถส่งข้อมูลไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ได้
ข้อเสียของเครื่องมือวัดแบบดิจิตอล
1. บางครั้งเครื่องมือวัดแบบดิจิตอลมักจะระบุค่าผิดพลาดเนื่องจากวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ชำรุดหรือจอแสดงผลเสียหาย
2. ในกรณีที่มีความชื้นสูงและมีฤทธิ์กัดกร่อนอาจทำให้ชิ้นส่วนภายในเสียหาย และแสดงค่าที่ผิดพลาดได้
3. บางครั้งเครื่องมือวัดแบบดิจิตอลอาจจะแสดงการอ่านค่าบางอย่าง แม้ว่าจะไม่มีพารามิเตอร์ที่สามารถวัดได้
สาระน่ารู้เกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง
ร่างกายทุกๆ คนความดันโลหิต เพราะความดันโลหิตจะเป็น
แรงผลักดันให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เพราะฉะนั้น
ทุกคนควรจะเรียนรู้ ศึกษาเกี่ยวกับความดันโลหิต
และรักษาให้ความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ เพราะความดันโลหิตสูงจะทำให้เกิดหลอดเลือดแข็งและตีบ
เมื่อหัวใจบีบตัวหัวใจจะบีบเลือดไปยังหลอดเลือดแดง ทำให้เกิดความดันโลหิตซึ่ง
เกิดจากการบีบตัวของหัวใจ และแรงต้านทานของหลอดเลือด หัวใจคนเราเต้น 60-80
ครั้ง ความดันก็จะเพิ่มขณะที่หัวใจบีบตัว และลดลงขณะที่หัวใจคลายตัว
ความดันโลหิตของคนเราไม่เท่ากันตลอดเวลาขึ้นอยู่กับท่า ความเครียด
การออกกำลังกาย การนอนหลับ แต่ไม่ควรเกิน 140/90 ถ้าหากสูงกว่านี้แสดงว่า
คุณอาจจะเป็นโรคความดันโลหิตสูง
ต้องมี
โรคความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคไต โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคไตโรคอัมพาต โรคหัวใจเป็นโรคที่มีอัตราตายสูง ดังนั้นการป้องกันความดันโลหิตสูงสามารถป้องกันอัตราการตายจากโรคหัวใจ และโรคอัมพาต โรคความดันโลหิตสูงเป็นภัยเงียบที่คุกคามชีวิตของทุกท่านเนื่องจากไม่มี อาการเตือนดังนั้น การจะทราบว่าเป็นความดันโลหิตสูงจำเป็นต้องวัดความดันโลหิต
แต่หากเป็นโรคความดันโลหิตแล้ว ข้อดีของการมีเครื่องวัดความดันโลหิต คือ ทำให้เราใส่ใจความดันตัวเองและกินยาสม่ำเสมอ นอกจากนี้ บางคนเวลาไปวัดความดันที่สถานพยาบาลความดันจะสูงเกินจริง (Whitecoat hypertension) ทำให้หลงรักษาผิดทาง แต่พอวัดที่บ้านกลับไม่ขึ้นหรือขึ้นน้อย
ถ้าจะถามว่าแบบไหนดีจริงๆ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะข้อเท็จจริงความดันโลหิตเรา วัดทางอ้อม (ถ้าวัดทางตรงต้องแทงแท่งวัดเข้าไปในเส้นเลือด) และเดิมใช้เครื่องวัดปรอทเป็นหลัก วัดตรงตำแหน่งต้นแขนเหนือข้อพับ เพราะในท่ายืนหรือนั่งจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับหัวใจ ดังนั้น ข้อมูลการวิจัยเกือบทั้งหมดใช้การวัดเหนือข้อพับและที่สถานพยาบาลก็ใช้วิธีเดียวกัน หากเราใช้ต่างวิธีอาจได้ค่าที่ไม่เหมือนกันหรือไม่ควรนำค่ามาเปรียบเทียบกัน เพราะแม้แต่วัดที่เดียวกันหลายๆ ครั้ง แต่ละครั้งก็ไม่เท่ากัน ยิ่งคนละที่ยิ่งไปกันใหญ่วัดข้างขวามักจะสูงกว่าวัดข้างซ้ายเหล่านี้เป็นต้น
ดังนั้น โดยมาตรฐานแล้ว วัดที่เหนือข้อพับเป็นหลัก แต่เครื่องวัดที่ข้อมือก็พยายามเทียบให้ได้ค่าใกล้เคียง แต่ก็ยังไม่นับเป็นมาตรฐานและที่สำคัญถึงวัดที่ข้อมือ เวลาวัดก็ควรวางข้อมือให้อยู่ในระดับใกล้เคียงหัวใจด้วยเช่นกัน
Read More
ต้องมี
โรคความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคไต โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคไตโรคอัมพาต โรคหัวใจเป็นโรคที่มีอัตราตายสูง ดังนั้นการป้องกันความดันโลหิตสูงสามารถป้องกันอัตราการตายจากโรคหัวใจ และโรคอัมพาต โรคความดันโลหิตสูงเป็นภัยเงียบที่คุกคามชีวิตของทุกท่านเนื่องจากไม่มี อาการเตือนดังนั้น การจะทราบว่าเป็นความดันโลหิตสูงจำเป็นต้องวัดความดันโลหิต
เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับการเลือกซื้อเครื่องวัดความดันโลหิตสูง
ในยุคสมัยนี้ผู้คนนิยมการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง เพื่อป้องกันความเสี่ยงทั้งหลายก่อนที่จะเกิดปัญหาด้านสุขภาพแบบชุดใหญ่ หลายคนอาจจะคิดอยากหาเครื่องมือวัดความดันโลหิตมาไว้ใช้เองที่บ้าน ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็มีจำหน่ายอย่างแพร่หลายทั้งตามร้านจำหน่ายอุปกรณ์ การ แพทย์บริเวณใกล้ๆ โรงพยาบาลหรือแม้แต่ร้านค้าออนไลน์บนเครือข่ายอินเตอร์เนท หากจะว่ากันด้วยเรื่องประสิทธิภาพของเครื่องวัดความดันโลหิต ก่อนซื้อต้องเข้าใจเรื่องพื้นฐานของการวัดความดันเสียก่อน ในปัจจุบันค่าการตรวจวัดความดันโลหิตบ้านเราใช้หลักของอเมริกา คือ- ถ้าความดันน้อยกว่า 120/80 ถือว่าปกติ ควรวัดซ้ำทุก 2 ปี
- ถ้าความดัน 120-139/80-89 ถือว่าไม่เป็นโรค แต่เกือบๆ จึงควรวัดซ้ำทุก 1 ปี
- ถ้าความดันมากกว่า 140/90 ถือว่าเป็นโรค ควรปรึกษาแพทย์และต้องวัดซ้ำภายใน 2 เดือน
แต่หากเป็นโรคความดันโลหิตแล้ว ข้อดีของการมีเครื่องวัดความดันโลหิต คือ ทำให้เราใส่ใจความดันตัวเองและกินยาสม่ำเสมอ นอกจากนี้ บางคนเวลาไปวัดความดันที่สถานพยาบาลความดันจะสูงเกินจริง (Whitecoat hypertension) ทำให้หลงรักษาผิดทาง แต่พอวัดที่บ้านกลับไม่ขึ้นหรือขึ้นน้อย
ถ้าจะถามว่าแบบไหนดีจริงๆ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะข้อเท็จจริงความดันโลหิตเรา วัดทางอ้อม (ถ้าวัดทางตรงต้องแทงแท่งวัดเข้าไปในเส้นเลือด) และเดิมใช้เครื่องวัดปรอทเป็นหลัก วัดตรงตำแหน่งต้นแขนเหนือข้อพับ เพราะในท่ายืนหรือนั่งจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับหัวใจ ดังนั้น ข้อมูลการวิจัยเกือบทั้งหมดใช้การวัดเหนือข้อพับและที่สถานพยาบาลก็ใช้วิธีเดียวกัน หากเราใช้ต่างวิธีอาจได้ค่าที่ไม่เหมือนกันหรือไม่ควรนำค่ามาเปรียบเทียบกัน เพราะแม้แต่วัดที่เดียวกันหลายๆ ครั้ง แต่ละครั้งก็ไม่เท่ากัน ยิ่งคนละที่ยิ่งไปกันใหญ่วัดข้างขวามักจะสูงกว่าวัดข้างซ้ายเหล่านี้เป็นต้น
ดังนั้น โดยมาตรฐานแล้ว วัดที่เหนือข้อพับเป็นหลัก แต่เครื่องวัดที่ข้อมือก็พยายามเทียบให้ได้ค่าใกล้เคียง แต่ก็ยังไม่นับเป็นมาตรฐานและที่สำคัญถึงวัดที่ข้อมือ เวลาวัดก็ควรวางข้อมือให้อยู่ในระดับใกล้เคียงหัวใจด้วยเช่นกัน
ประเภทของเครื่องวัดความดันโลหิต
ปัจจุบันมีหลายครอบครัวที่มีเครื่องวัดความดัน(blood
Pressure Monitor) ติดไว้ประจำบ้าน ซึ่งมีหลากหลายยี่ห้อมาก เช่น Omron,
Terumo, Panasonic เป็นต้น
แต่อาจจะยังไม่รู้ว่าเครื่องวัดความดันมีกี่ประเภท และแต่ละประเภทมีข้อดี
ข้อเสีย อย่างไรบ้าง วันนี้เราเลยสรุปแบบเข้าใจง่ายมาให้อ่านกันค่ะ
ความดันโลหิตคืออะไร
การไหลเวียนของเลือดดัน หรือเสียดสีกับผนังหลอดเลือด ความแรงของการผลักดันของเลือดนี้เรียกว่า “ความดันโลหิต” หากเกิดความดันโลหิตสูงมากเกินไป จะทำให้ความเครียดเพิ่มขึ้นในหลอดเลือดแดง และหัวใจ ซึ่งอาจจะนำไปสู่โรคหัวใจ และโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ดังนั้นการมีเครื่องวัดความดันโลหิตไว้ประจำบ้านที่มีผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ผู้สูงอายุ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ความดันโลหิตสูงมักจะไม่แสดงอาการมาก่อนหรือมีสัญญาณบ่งบอกว่าเป็นความดันโลหิตสูงวิธีเดียวที่จะทราบได้นั่นก็คือการใช้เครื่องวัดความดันโลหิตในการตรวจวัดนั่นเอง
เครื่องวัดความดันโลหิต มีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่
1. เครื่องวัดความดันโลหิตชนิดปรอท (Mercury sphygmomanometer)
เป็นครื่องวัดความดันโลหิตที่ใช้แรงโน้มถ่วงของโลกเป็นหลักและได้มาตรฐาน แม้สารปรอทจะมีความอันตรายแต่เครื่องวัดความดันโลหิตที่ออกแบบมาเพื่อใช้ที่บ้านนั้นมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง
ข้อดี
– เป็นเครื่องวัดความดันโลหิตที่มีการใช้งาหนง่ายที่สุด
– การวัดผลแม่นยำ
ข้อเสีย
– การวัดความดันโลหิตด้วยเครื่องมือนี้ผู้วัดที่มีสายตาไม่ดี อาจทำให้ผลการวัดไม่แม่นยำเนื่องจากการอ่านค่าวัดความดันด้วยเครื่องชนิดนี้แท่งปรอทจจะต้องอยู่ในระดับสายตาอ่านค่าวัดความดัน
– ผู้ที่ไม่สามารถบีบลมได้เต็มที่ทำให้ค่าความความดันมีความคลาดเคลื่อน
– หากสารปรอทมีการรั่วอาจเกิดอันตรายจากสารปรอท
– ไม่สะดวกต่อการพกพาเนื่องจากเครื่องวัดความดันชนิดนี้มีขนาดใหญ่
– เครื่องวัดความดันชนิดปรอทจะต้องตั้งอยู่บนพื้นเรียบเท่านั้น
2. เครื่องวัดความดันโลหิตชนิดขดลวด (Aneroid equipment)
ข้อดี
– สะดวกต่อการพกพาไปนอกสถานที่
– ราคาไม่สูงมากนัก
– ตัวเครื่องวัดความดันมีน้ำหนักเบาง่ายต่อการพกพา
– ไม่จำเป็นจะต้องวางในระดับสายตา หรือพื้นเรียบ
ข้อเสีย
– การใช้งานค่อนข้างซับซ้อนมากกว่าเครื่องวัดความดันโลหิตชนิดปรอท ทำให้การใช้งานลำบากหากใช้ผิดเครื่องอาจชำรุดเสียหาย
– การซ่อมบำรุงเครื่องจะต้องตรวจสอบเครื่องอย่างน้อยปีละครั้ง
3. เครื่องวัดความดันโลหิตชนิดดิจิตอล (Automatice quipment)
ข้อดี
– การใช้ง่ายสะดวกสบายใช้งานง่ายเพราะไม่จำเป็นต้องบีบลม และไม่มีหูฟัง
– พกพาสะดวก
– ผู้ที่สายตาไม่ดี การได้ยินไม่ชัดเจน เช่นผู้สูงอายุก็สามารถใช้ง่ายได้โดยไม่เกิดความคลาดเคลื่อนของค่าวัดความดัน
– มีหน้าจอแสดงผลความดัน และอัตราการเต้นของหัวใจ
– มีสายพันสองแบบคือ สายพันข้อมือ และสายพันแขน นอกจากนี้ยังสามารถพิมผลที่วัดได้ด้วย
ข้อเสีย
– ต้องมีการตรวจสอบตัวเครื่องวัดความดันโลหิตเป็นประจำเพื่อผลที่แม่นยำในการวัดทุกครั้ง
– เครื่องมีความคงทนน้อยกว่า 2 ชนิดที่กล่าวมา ชำรุดง่าย
– ราคาค่อนข้างสูง
Read More
ความดันโลหิตคืออะไร
การไหลเวียนของเลือดดัน หรือเสียดสีกับผนังหลอดเลือด ความแรงของการผลักดันของเลือดนี้เรียกว่า “ความดันโลหิต” หากเกิดความดันโลหิตสูงมากเกินไป จะทำให้ความเครียดเพิ่มขึ้นในหลอดเลือดแดง และหัวใจ ซึ่งอาจจะนำไปสู่โรคหัวใจ และโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ดังนั้นการมีเครื่องวัดความดันโลหิตไว้ประจำบ้านที่มีผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ผู้สูงอายุ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ความดันโลหิตสูงมักจะไม่แสดงอาการมาก่อนหรือมีสัญญาณบ่งบอกว่าเป็นความดันโลหิตสูงวิธีเดียวที่จะทราบได้นั่นก็คือการใช้เครื่องวัดความดันโลหิตในการตรวจวัดนั่นเอง
เครื่องวัดความดันโลหิต มีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่
1. เครื่องวัดความดันโลหิตชนิดปรอท (Mercury sphygmomanometer)
เป็นครื่องวัดความดันโลหิตที่ใช้แรงโน้มถ่วงของโลกเป็นหลักและได้มาตรฐาน แม้สารปรอทจะมีความอันตรายแต่เครื่องวัดความดันโลหิตที่ออกแบบมาเพื่อใช้ที่บ้านนั้นมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง
ข้อดี
– เป็นเครื่องวัดความดันโลหิตที่มีการใช้งาหนง่ายที่สุด
– การวัดผลแม่นยำ
ข้อเสีย
– การวัดความดันโลหิตด้วยเครื่องมือนี้ผู้วัดที่มีสายตาไม่ดี อาจทำให้ผลการวัดไม่แม่นยำเนื่องจากการอ่านค่าวัดความดันด้วยเครื่องชนิดนี้แท่งปรอทจจะต้องอยู่ในระดับสายตาอ่านค่าวัดความดัน
– ผู้ที่ไม่สามารถบีบลมได้เต็มที่ทำให้ค่าความความดันมีความคลาดเคลื่อน
– หากสารปรอทมีการรั่วอาจเกิดอันตรายจากสารปรอท
– ไม่สะดวกต่อการพกพาเนื่องจากเครื่องวัดความดันชนิดนี้มีขนาดใหญ่
– เครื่องวัดความดันชนิดปรอทจะต้องตั้งอยู่บนพื้นเรียบเท่านั้น
2. เครื่องวัดความดันโลหิตชนิดขดลวด (Aneroid equipment)
ข้อดี
– สะดวกต่อการพกพาไปนอกสถานที่
– ราคาไม่สูงมากนัก
– ตัวเครื่องวัดความดันมีน้ำหนักเบาง่ายต่อการพกพา
– ไม่จำเป็นจะต้องวางในระดับสายตา หรือพื้นเรียบ
ข้อเสีย
– การใช้งานค่อนข้างซับซ้อนมากกว่าเครื่องวัดความดันโลหิตชนิดปรอท ทำให้การใช้งานลำบากหากใช้ผิดเครื่องอาจชำรุดเสียหาย
– การซ่อมบำรุงเครื่องจะต้องตรวจสอบเครื่องอย่างน้อยปีละครั้ง
3. เครื่องวัดความดันโลหิตชนิดดิจิตอล (Automatice quipment)
ข้อดี
– การใช้ง่ายสะดวกสบายใช้งานง่ายเพราะไม่จำเป็นต้องบีบลม และไม่มีหูฟัง
– พกพาสะดวก
– ผู้ที่สายตาไม่ดี การได้ยินไม่ชัดเจน เช่นผู้สูงอายุก็สามารถใช้ง่ายได้โดยไม่เกิดความคลาดเคลื่อนของค่าวัดความดัน
– มีหน้าจอแสดงผลความดัน และอัตราการเต้นของหัวใจ
– มีสายพันสองแบบคือ สายพันข้อมือ และสายพันแขน นอกจากนี้ยังสามารถพิมผลที่วัดได้ด้วย
ข้อเสีย
– ต้องมีการตรวจสอบตัวเครื่องวัดความดันโลหิตเป็นประจำเพื่อผลที่แม่นยำในการวัดทุกครั้ง
– เครื่องมีความคงทนน้อยกว่า 2 ชนิดที่กล่าวมา ชำรุดง่าย
– ราคาค่อนข้างสูง
การเลือกซื้อเครื่องวัดความดันโลหิต
คำแนะนำก่อนที่ท่านจะซื้อเครื่องวัดความดันมาใช้ที่บ้าน
1. ใช้เครื่องวัดความดันแบบอัตโนมัติ (เครื่องวัดความดันแบบดิจิตอล)หาก ท่านไม่ใช่บุคคากรทางการแพทย์แล้ว การวัดความดันด้วยเครื่องวัดความดันแบบปรอทคงเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ดังนั้นเครื่องวัดแบบอัตโนมัติ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับบุคคลทั่วไป ซึ่งสะดวกใช้งานได้ง่าย
2. เครื่องวัดความดันแบบอัตโนมัติ ระหว่างเครื่องวัดความดันที่ต้นแขน และ เครื่องวัดความดันที่ข้อมือ เลือกแบบไหนดี
คำถามนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของท่าน
เครื่องวัดความดันที่ต้นแขน จะได้ค่าความดันโลหิตที่ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด เนื่องจากอยู่ใกล้หัวใจ และอยู่ระดับเดียวกับหัวใจมากที่สุด แต่พกพาไม่สะดวกเท่าเครื่องวัดความดันโลหิตที่ข้อมือ
เครื่องวัดความดันที่ข้อมือ จะให้ความสะดวกเพราะจะมีระบบสูบลมและคลายลมอัตโนมัติ พันสายรัดที่ข้อมือได้ง่าย และที่สำคัญคือพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก สามารถนำมาใช้ได้ทันที เวลาวัดก็ควรวางข้อมือให้อยู่ในระดับใกล้เคียงหัวใจด้วยเช่นกัน
โดย มาตรฐานแล้วการวัดความดันจะวัดที่เหนือข้อพับเป็นหลัก แต่เครื่องวัดความดันที่ข้อมือก็พยายามเทียบให้ได้ค่าใกล้เคียง แต่ก็ยังไม่นับเป็นมาตรฐานและที่สำคัญถึงวัดที่ข้อมือ เวลาวัดก็ควรจะวางข้อมือให้อยู่ในระดับใกล้เคียงหัวใจด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ไม่ได้สรุปว่าการวัดที่ต้นแขนดีกว่า แต่เป็นมาตรฐานกว่าเท่านั้น
3. ความถี่ในการใช้งาน
หากท่านจำเป็นต้องการใช้งานบ่อย ควรเลือกเครื่องวัดความดันแบบที่มี adaptor เพื่อเป็นการประหยัดแบตเตอรี่
4. เลือกเครื่องวัดความดันโลหิตที่ผ่านการรับรอง เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องวัดความดัน นั้นได้มาตรฐาน ซึ่งปกติ เครื่องวัดความดัน ที่ได้มาตรฐานจะมีสัญลักษณ์เช่น CE (European Conformity:CE) หรือเครื่องหมาย UL (Underwriters’ Laboratories :UL) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเครื่องมือนั้นได้รับการออกแบบและผลิตที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยตามข้อบังคับอุตสาหกรรมสหภาพยุโรป หรือดูที่เครื่องหมาย มอก. มาตรฐานประเทศไทย เป็นต้น
5. งบประมาณและจำนวนสมาชิกที่ต้องใช้เครื่องวัดความดัน
ถ้าท่านมีงบประมาณจำกัดและใช้เครื่องวัดแค่คนเดียว เลือกเครื่องวัดความดันที่ได้มาตรฐานเพื่อใช้งานก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องมีฟังก์ชั่นมาก
หาก ท่านที่มีงบประมาณมากหรือมีสมาชิกที่ต้องใช้ร่วมด้วย ควรเลือกแบบที่มีฟังก์ชั่นการใช้งาน เช่น Memory บันทึก ระบุ วัน เวลา เป็นต้น เครื่องวัดความดันยี่ห้อเดียวกันแต่ราคาต่างกัน ขึ้นกับหน่วยความจำ และ ฟังก์ชั่น ที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
6. ระยะเวลาในการรับประกันของเครื่องวัดความดันในแต่ละแบรนด์ / รุ่น
คำแนะนำในการใช้เครื่องวัดความดันโลหิต
- ไม่ควรวัดความดันทันทีหลังอาหารมื้อหลัก ควรห่างอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
- ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่หรือเครื่องก่อนทำการวัด
- ไม่ควรวัดขณะที่ร่างกายเหนื่อย หมดแรง อ่อนเพลีย หรือมีอารมณ์เครียด
- ถ้า ใช้เครื่องวัดความดันที่ต้นแขน ให้วัดในท่านั่ง วางแขน และข้อศอกบนโต๊ะ จัดระดับให้ผ้าพันต้นแขน หรือผ้าพันข้อมืออยู่ในระดับเดียวกับหัวใจ
- ถ้าใช้เครื่องวัดความดันที่ข้อมือ ให้วัดในท่านั่ง วางข้อมือให้อยู่ในระดับเดียวกับหัวใจ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)